INPUT UNITS

INPUT UNITS


หน่วยข้อมูลนำเข้า (INPUT UNITS)

KEYBOARD

          Keyboard คืออุปกรณ์แป้นพิมพ์ที่ใช้ป้อนข้อมูลเข้าไปในคอมพิวเตอร์ มีปุ่มเหมือนกับเครื่องพิมพ์ดีด เป็นอุปกรณ์ที่มีในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง จำนวนปุ่ม 101 ปุ่มขึ้นไป
          แป้นพิมพ์ หรือ คีย์บอร์ด (keyboard) ประกอบด้วยปุ่มตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถใส่ข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลเบื้องต้น มีลักษณะการทำงานคล้ายคีย์บอร์ดของเครื่องพิมพ์ดีด แต่ได้เพิ่มปุ่มควบคุมเฉพาะสำหรับคอมพิวเตอร์ โดยปกติจะมี 101 ปุ่ม ซึ่งบางรุ่นอาจจะมีน้อย หรือมากกว่าก็ได้ โดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่มๆ ได้ดังนี้

 keyboard มีอยู่ 5 กลุ่ม

1. Desktop keyboard เป็นคีย์บอร์ดมาตรฐานแบบ 101 ปุ่ม
2. Desktop keyboard with hot key เป็นคีย์บอร์ดที่มีปุ่มพิเศษเพิ่มเข้ามามากกว่าแบบมาตรฐาน

3. Wireless keyboard เป็นคีย์บอร์ดไร้สายเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านทางการเชื่อมต่อไร้สาย
4. Security keyboard เป็นคีย์บอร์ดที่มีระบบรักษาความปลอยภัย

5. Notebook keyboard เป็นคีย์บอร์ดขนาดเล็กและบาง



การทำงานของแป้นพิมพ์
          การทำงานของคีย์บอร์ด จะเกิดจากการเปลี่ยนกลไกการกดปุ่ม ให้เป็นสัญญาณทางไฟฟ้าส่งให้คอมพิวเตอร์ โดยสัญญาณดังกล่าว จะบอกให้คอมพิวเตอร์ทราบว่ามีการกดคีย์อะไร การทำงานทั้งหมดจะถูกควบคุมด้วย ไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor) ขนาดเล็กที่บรรจุในคีย์บอร์ด และสัญญาณต่างๆ จะส่งผ่านสายสัญญาณผ่านทางขั้วต่อของแป้นพิมพ์ แบ่งได้ 4 ประเภท คือ
1. 5-pin DIN (Deustche Industrie Norm) connector เป็นขั้วต่อขนาดใหญ่ ใช้กับคอมพิวเตอร์ในรุ่นแรก
2. 6-pin IBM PS/2 mini-DIN connector เป็นขั้วต่อขนาดเล็ก ปัจจุบันพบได้อย่างแพร่หลาย
3. 4-pin USB (Universal Serial Bus) connector เป็นขั้วต่อรุ่นใหม่
4. internal connector เป็นขั้วต่อแบบภายใน พบได้ใน Notebook Computer

ปุ่มบนแป้นพิมพ์
          ในการพิมพ์ตัวอักษรเราจะใช้ปุ่มอักขระ ซึ่งเรียงตัวแบบเดียวกับในเครื่องพิมพ์ดีดทั่วไป ซึ่งเราเรียกว่า QWERTY ซึ่งเป็นตัวอักษรในแถวบน 6 ตัวนั่นเอง การเรียงตัวแบบนี้เพื่อทำให้ความเร็วในการพิมพ์ของนักพิมพ์ดีดลดลง เหตุผลก็คือ บริษัทพิมพ์ดีดสร้าง เนื่องจากกลไกการทำงานของแขนของเครื่อมพิมพ์ดีดจะมาทับกันได้ถ้าคนพิมพ์เร็วเกินไป แล้วก็กลายมาเป็นรูปแบบที่ใช้กันมายาวนานจนจนกลายเป็นมาตรฐาน และผู้ใช้เริ่มคุ้นเคย บริษัทที่ผลิตแป้นพิมพ์ก็เลยผลิตแป้นพิมพ์สำหรับคอมพิวเตอร์ใรแบบเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการทับกันของแขนพิมพ์ก็ตาม ต่อไปจะอธิบายหน้าที่การทำงานของปุ่มบางปุ่มที่น่าสนใจ

          - ปุ่ม Alt จะมีสองปุ่มอยู่ข้างๆ แถบ space bar ปุ่มAlt จะใช้เป็นปุ่มเสริมคล้ายกับปุ่ม shift นั่นก็คือ เมื่อเรากด A ตัวเดียวหน้าจอก็จะปรากฏตัวอักษร A แต่ถ้าเรากด Alt กับ A พร้อมกัน ก็จะกลายเป็นการเรียกใช้ฟังก์ชันของคำสั่ง Alt-A ซึ่งฟังก์ชันหรือการทำงานของคำสั่งนั้นในแต่ละโปรแกรมจะแตกต่างกัน

          - ปุ่ม Crtl จะมีสองปุ่มเช่นเดียวกับปุ่ม Alt เป็นปุ่มเสริมเช่นเดียวกับปุ่ม Alt การทำงานก็คล้ายกัน ตัวอย่าง เมื่อคุณกด Ctrl หร้อมกับ ตัวอักขระ ก็จะเป็นการสั่งงานคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปตามโปรแกรมที่ใช้งาน

          - ปุ่มวินคีย์ หรือ window key เป็นปุ้มที่มีสัญลักษณ์ของวินโดว์ ซึ่งเป็นสำหรับอำนวยความสะดวก ในการเปิดใช้โปรแกรม ต่างๆ ปุ่มนี้จะอยู่ทางซ้าย มือ อยู่ระหว่าง ปุ่ม Ctrl และ Alt ปุ่มนี้ไม่ได้ทำงานเฉพาะกับระบบปฏิบัติการวินโดว์เท่านั้น ในระบบปฏิบัติการอื่น ก็สามารถทำงานได้เช่นกัน ถ้ามีไดร์เวอร์ที่คอยตรวจสอบการกดแป้นของปุ่มวินคีย์

          - ปุ่มตัวเลข เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการของแป้นพิมพ์เพื่อความสะดวกในทางธุรกิจ ปุ่มที่เพิ่มลงไปมีทั้งหมด 17 ปุ่ม ซึ่งมีการเรียงตัวคล้ายๆ ในเครื่องคิดเลข เพื่อความสะดวกในการใช้งานนั่นเอง

          - ปุ่มควบคุม  ส่วนใหญ่แล้ว ปุ่มควบคุมจะให้คุณสามารถเลื่อนหน้าหรือบรรทัดได้ทีละมากๆ ปุ่มควบคุมต่างๆ ได้แก่
  •  Home 
  •  End 
  •  Insert 
  •  Delete 
  •  Page Up 
  •  Page Down 
  •  Control (Ctrl) 
  •  Alternate (Alt) 
  •  Escape (Esc)


          ปุ่มควบคุม เมื่อทำงานร่วมกับปุ่มอื่นสามารถสั่งงานบางอย่างได้ ได้้แก่
Alt+F4 ใช้ปิดหน้าต่างการทำงานที่กำลังเปิดอยู่ และปุ่ม start window หรือ WK สามารถทำงานร่วมกับปุ่มอื่นได้ ดังนี้
  • WK+e - ใช้เปิด Windows Explorer
  • WK+f - ใช้เปิด เริ่มต้นหา ไฟล์ หรือ โฟลเดอร์
  • WK+Ctrl+f - ใช้เปิด หา คอมพิวเตอร์บนเครือข่าย
  • WK+M - เป็นคำสั่งย่อหน้าต่างทำงานใช้แสดงหน้าจอเริ่มแรกหรือ desktop
  • WK+Shift+M - ใช้ขยายหน้าต่างที่ถูกย่อเอาไว้
  • WK+r - สั่งให้เปิดหน้าต่าง Run dialog ขึ้น
  • WK+F1 - ใช้เปิดหน้าต่างความช่วยเหลือ
  • WK+Pause - ใช้เปิด คุณสมบัติของระบบ (system properties)

ส่วนประกอบของคีย์บอร์ด

รหัส ASCII

         รหัสมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาเพื่อการแลกเปลี่ยนสารสนเทศ (อังกฤษ: ASCII: American Standard Code for Information Interchange) เป็นรหัสอักขระที่ประกอบด้วยอักษรละติน เลขอารบิก เครื่องหมายวรรคตอน และสัญลักษณ์ต่างๆ โดยแต่ละรหัสจะแทนด้วยตัวอักขระหนึ่งตัว เช่น รหัส 65 (เลขฐานสิบ) ใช้แทนอักษรเอ (A) พิมพ์ใหญ่ เป็นต้น
         ตัวเลขเป็นภาษาของคอมพิวเตอร์ เมื่อต้องการติดต่อสื่อสารกับโปรแกรม (และกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น) คอมพิวเตอร์ของคุณจะแปลงอักขระและสัญลักษณ์เป็นตัวแทนสัญลักษณ์และอักขระที่เป็นตัวเลข
          ในช่วงทศวรรษ 1960 ความต้องการที่จะทำให้การสื่อสารดังกล่าวเป็นมาตรฐานจึงทำให้เกิดโค้ดที่เรียกว่า American Standard Code for Information Interchange (ASCII) (อ่านว่าแอสกี) โดยตาราง ASCII ประกอบด้วยตัวเลข 128 ตัวซึ่งจะใช้แทนอักขระ ทั้งนี้ ASCII ให้วิธีที่คอมพิวเตอร์สามารถเก็บและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นและโปรแกรมอื่นๆ ได้


อักขระที่ไม่แสดงผลเหล่านี้ถูกใช้เป็นรหัสควบคุมการพิมพ์บนเครื่องพิมพ์ หรือใช้เป็นตัวแบ่งข้อมูลในสื่อบันทึกข้อมูลบางชนิด (เช่นเทป) อักขระตัวแทนที่ปรากฏในตารางเป็นเพียงการแสดงว่า ณ ตำแหน่งนั้นมีรหัสดังกล่าวอยู่ ไม่ใช่สัญลักษณ์ที่จะนำมาแสดงผลเป็นหลัก
ฐานสองฐาน
สิบ
ฐาน
สิบหก
อักขระความหมาย
0000 0000000(ว่าง)NUL - null character
0000 0001101SOH - start of heading
0000 0010202STX - start of text
0000 0011303ETX - end of text
0000 0100404EOT - end of transmission
0000 0101505ENQ - enquiry
0000 0110606ACK - acknowledge
0000 0111707BEL - bell
0000 1000808BS - backspace
0000 1001909HT - horizontal tabulation
0000 1010100ALF - line feed
0000 1011110BVT - vertical tabulation
0000 1100120CFF - form feed
0000 1101130DCR - carriage return
0000 1110140ESO - shift out
0000 1111150FSI - shift in
ฐานสองฐาน
สิบ
ฐาน
สิบหก
อักขระความหมาย
0001 00001610DLE - data link escape
0001 00011711DC1 - device control one
0001 00101812DC2 - device control two
0001 00111913DC3 - device control three
0001 01002014DC4 - device control four
0001 01012115§NAK - negative acknowledge
0001 01102216SYN - synchronous idle
0001 01112317ETB - end of transmission block
0001 10002418CAN - cancel
0001 10012519EM - end of medium
0001 1010261ASUB - substitute
0001 1011271BESC - escape
0001 1100281CFS - file separator
0001 1101291DGS - group separator
0001 1110301ERS - record separator
0001 1111311FUS - unit separator
0111 11111277FDEL - delete

ฐานสองฐาน
สิบ
ฐาน
สิบหก
อักขระ
0010 00003220(ช่องว่าง)
0010 00013321!
0010 00103422"
0010 00113523#
0010 01003624$
0010 01013725%
0010 01103826&
0010 01113927'
0010 10004028(
0010 10014129)
0010 1010422A*
0010 1011432B+
0010 1100442C,
0010 1101452D-
0010 1110462E.
0010 1111472F/
0011 000048300
0011 000149311
0011 001050322
0011 001151333
0011 010052344
0011 010153355
0011 011054366
0011 011155377
0011 100056388
0011 100157399
0011 1010583A:
0011 1011593B;
0011 1100603C<
0011 1101613D=
0011 1110623E>
0011 1111633F?
ฐานสองฐาน
สิบ
ฐาน
สิบหก
อักขระ
0100 00006440@
0100 00016541A
0100 00106642B
0100 00116743C
0100 01006844D
0100 01016945E
0100 01107046F
0100 01117147G
0100 10007248H
0100 10017349I
0100 1010744AJ
0100 1011754BK
0100 1100764CL
0100 1101774DM
0100 1110784EN
0100 1111794FO
0101 00008050P
0101 00018151Q
0101 00108252R
0101 00118353S
0101 01008454T
0101 01018555U
0101 01108656V
0101 01118757W
0101 10008858X
0101 10018959Y
0101 1010905AZ
0101 1011915B[
0101 1100925C\
0101 1101935D]
0101 1110945E^
0101 1111955F_
ฐานสองฐาน
สิบ
ฐาน
สิบหก
อักขระ
0110 00009660`
0110 00019761a
0110 00109862b
0110 00119963c
0110 010010064d
0110 010110165e
0110 011010266f
0110 011110367g
0110 100010468h
0110 100110569i
0110 10101066Aj
0110 10111076Bk
0110 11001086Cl
0110 11011096Dm
0110 11101106En
0110 11111116Fo
0111 000011270p
0111 000111371q
0111 001011472r
0111 001111573s
0111 010011674t
0111 010111775u
0111 011011876v
0111 011111977w
0111 100012078x
0111 100112179y
0111 10101227Az
0111 10111237B{
0111 11001247C|
0111 11011257D}
0111 11101267E~







เมาส์ตัวแรกของโลก

           เมาส์ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1963 โดยดักลัส เองเกลบาท (Douglas Engelbart) ที่สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด (Stanford Research Institute) หลังจากการทดสอบการใช้งานอย่างละเอียด (เมาส์ เคยมีอีกชื่อหนึ่งว่า “บัก” (bug) แต่ภายหลังได้รับความนิยมน้อยกว่าคำว่า “เมาส์”) มันเป็นหนึ่งในการทดลองอุปกรณ์ชี้ (Pointing Device) สำหรับ Engelbart's oN-Line System (NLS) ส่วนอุปกรณ์ชี้อื่นออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหวในร่างกายส่วนอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ติดกับคางหรือจมูก แต่ท้ายที่สุดแล้วเมาส์ก็ได้รับการคัดเลือกเพราะง่ายต่อการใช้งาน



ดักลาส เองเกลบาท

           เมาส์คอมพิวเตอร์ตัวแรกเมาส์ตัวแรกนั้นเทอะทะและใช้เฟือง 2 ตัววางในลักษณะตั้งฉากกัน การหมุนของแต่ละเฟืองจะถูกแปลให้เป็นการเคลื่อนที่บนแกนในปริภูมิ 2 มิติ เองเกลบาท ได้รับสิทธิบัตรเลขที่ US3541541 ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 1970 ชื่อ X –Y Position Indicator For A Display System (การระบุตำแหน่ง X –Y สำหรับระบบแสดงผล)เมาส์คอมพิวเตอร์ตัวแรก โดย ดักลาส เองเกลบาท แสดงการทำงานของล้อหมุนของเมาส์




เมาส์คอมพิวเตอร์ตัวแรก โดย ดักลาส เองเกลบาท แสดงการทำงานของล้อหมุนของเมา


ประเภทของเมาส์ Mouse แบ่งได้เป็นสองแบบคือ
1. แบบทางกล
2. แบบใช้แสง


1. แบบทางกล
          เป็นแบบที่ใช้ลูกกลิ้งกลม ที่มีน้ำหนักและแรงเสียดทานพอดี เมื่อเลื่อน Mouse ไปในทิศทางใดจะทำให้ลูกกลิ้งเคลื่อนไปมาในทิศทางนั้น ลูกกลิ้งจะทำให้กลไกซึ่งทำหน้าที่ปรับแกนหมุนในแกน X และแกน Y แล้วส่งผลไปเลื่อนตำแหน่งตัวชี้บนจอภาพ Mouse แบบทางกลนี้มีโครงสร้างที่ออกแบบได้ง่าย มีรูปร่างพอเหมาะมือ ส่วนลูกกลิ้งจะต้องออกแบบให้กลิ้งได้ง่ายและไม่ลื่นไถล สามารถควบคุมความเร็วได้อย่างต่อเนื่องสัมพันธ์ระหว่างทางเดินของ Mouse และจอ ภาพ
          Ball Mouseมีชนิดที่เป็น Ball อยู่ในแนวตั้งและแนวนอน Mouse แบบ Ball การใช้งานต้องเลื่อน Mouse ยังแกนต่างๆบนหน้าจอเพื่อเลือก หรือยกเลิกโปรแกรมที่ทำงานอยู่ ต่อมาได้พัฒนา Mouse ให้มี wheel เพื่อให้สะดวกในการใช้งานกับ Windows ตั้งแต่เวอร์ชัน 95 เป็นต้นมา ซึ่งช่วยในการเลื่อนหน้าต่าง Window ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเลื่อน Mouse เพียงแต่ใช้นิ้วขยับไปที่ wheel ขึ้นลงเท่านั้น


Wireless Mouse

          เป็น Mouse ที่มีการทำงานเหมือน Mouse ทั่วไปเพียงแต่ไม่มีการใช้สายไฟต่อออกมาจากตัว Mouse ซึ่ง Mouse ชนิดนี้จะมีตัวรับและตัวส่งสัญญาณซึ่งทางด้านตัวรับสัญญาณอาจจะเป็นหัวต่อ แบบ PS/2 หรือ แบบ USB ที่เรียกว่า Thumb USB receiver ซึ่งใช้ความถี่วิทยุอยู่ที่ 27MHz


Mouse สำหรับ Macintosh

          เป็น Mouse ที่ใช้เฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh ซึ่งเป็น Mouse ที่ไม่มี wheel และปุ่มคลิ๊ก ก็ มีเพียงปุ่มเดียวแต่สามารถใช้งาน ได้ครอบคลุมทุกหน้าที่การทำงาน ซึ่งทางบริษัท Apple ออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่อง Macintosh เท่านั้น


2.เมาส์แบบใช้แสง
          เกิดจากการใช้แสงเลเซอร์หรืออินฟราเรด จากหลอดไฟสองหลอด ส่องบนแผ่นรองพิเศษ เมื่อลำแสงสะท้อนกลับขึ้นไปเครื่องรับจะตรวจสอบว่า เมาส์เคลื่อนไป ยังทิศทางใด เป็น Mouse ชนิดใช้แสงซึ่งปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิต Mouse ชนิดนี้ได้เพิ่มให้มีความสวยงามต่างๆกันไป เช่น ใส่แสงให้กับ wheel หรือไม่ก็ออกแบบ ให้มีแสงสว่างทั้งตัว Mouse แต่หน้าที่การทำงานก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก Ball Mouse เมาส์ชนิดนี้จะมีราคาสูงกว่า เมาส์แบบทางกลแต่ ช่วยลดปัญหาเรื่องฝุ่น ติดที่ลูกกลิ้งภายในเมาส์ลูกกลิ้งแบบทางกล

เมาส์แบบใช้แสง Optical Mouse



ปรเภทของเมาส์

1. Mechanical Mouse





2. Optical-Mechanical Mouse




3. Optical Mouse


4. Wireless mouse




5. Laser  Mouse




6. Blue Track Mouse







เว็บแคม คืออะไร

          เว็บแคม (Webcam) หรือ ชื่อเรียกเต็มๆว่า Web Camera แต่ในบางครั้งก็มีคนเรียกว่า Video Camera หรือ Video Conference ก็แล้วแค่ความเข้าใจแต่ละคน เว็บแคมเป็นอุปกรณ์อินพุตที่ สามารถจับภาพเคลื่อนไหวของเราไปปรากฏในหน้าจอมอนิเตอร์ และสามารถส่งภาพเคลื่อนไหวนี้ผ่านระบบเครือข่ายเพื่อให้คนอีกฟากหนึ่งสามารถเห็นตัวเราเคลื่อนไหว ได้เหมือนอยู่ต่อหน้า ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อีกตัวหนึ่ง และเริ่มมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น